วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ชวนะชี้เลื่อนเลือกตั้งเร็วขึ้น ช่วยให้เศรษฐกิจไตรมาส 3-4 กระเตื้อง เชื่อนักลงทุนเข้าใจสถานการณ์ไทยมากขึ้น


หลังรัฐบาลพยายามผลักดันให้มีการเลือกตั้งขึ้นให้ทันในปีนี้ จากเดิมที่กำหนดไว้ในช่วงปลายปี50 ในเดือนธันวาคม แต่หลังได้ร่วมประชุมหาข้อยุติเกี่ยวกับวันเลือกตั้ง โดยมีตัวแทนจาก สนช. สสร. กกต. คมช. รวมถึงรัฐบาล ได้มีข้อสรุปเกี่ยวกับวันเลือกตั้งโดยเลื่อนให้เร็วขึ้นมาอีก 1 เดือนเป็นวันที่ 25 พฤศจิกายน 2550 นี้
โดยทางด้านนายชวนะ เกียรติชวนะเสวี รองประธานหอการค้า จ.ภูเก็ต ฝ่ายการค้า การลงทุน กล่าวว่าสำหรับในเรื่องนี้ เห็นด้วยอย่างยิ่งที่รัฐบาลได้แสดงจุดยืนชัดเจนในการแก้วิกฤติบ้านเมือง ในกรณีการเลือกวันเลือกตั้งให้เร็วขึ้นเท่ากับบ่งบอกว่ารัฐบาลพร้อมคืนอำนาจประชาธิปไตย โดยเร็ว โดยไม่มีเงื่อนไขหรือนัยยะทางการเมือง ซึ่งตรงนี้จะส่งผลดีต่อภาพพจน์ของประเทศ โดนเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการลงทุน จะยิ่งทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่า จะเกิดการเลือกตั้งขึ้นในทันทีหลังจากที่มีการลงประชามติเสร็จสิ้น และดำเนินไปตามขั้นตอน ที่รัฐบาลประกาศได้ประกาศไว้
โดยนายชวนะยังกล่าวต่อไปว่า เศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกถึงไตรมาส 2 ยังคงทรงตัวต่อเนื่องและยังไม่มีแนวโน้มในการปรับตัวขึ้น แต่หลังจากที่สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจหลายตัวก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขการส่งออกที่เกินดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และตัวเลข GDP ก็ยังปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากเดิมอยู่ระหว่าง 3.0-3.5 แต่ล่าสุดตัวเลขขยับตัวมาอยู่ระหว่าง 3.8-4.0 นั้นบ่งบอกว่า เศรษฐกิจในไตรมาส 3-4 น่าจะปรับตัวขึ้นมาอีกหากทิศทางการเมืองมีแนวโน้มดีขึ้นกว่านี้ และเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะขยายตัวได้ในระดับ 4.0-4.5
นายชวนะยังกล่าวต่อว่า การกำหนดวันเลือกตั้งใหม่นี้ยังส่งผลต่อภาพพจน์ของประเทศ ซึ่งการเข้ามาบริหารประเทศภายใต้สถานการณ์การเมืองที่มีการยึดอำนาจหรือรัฐประหารนั้น ทำให้ประเทศไทยถูกนานาชาติจับตามอง ว่าการเมืองไม่มีเสถียรภาพ และไม่มีความมั่นคง ทั้งนี้การให้เหตุผลในการทำรัฐประหารนั้นยังไม่มีความชัดเจนเพียงพอ ซึ่งการทำความเข้าใจกับนานาประเทศเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องชี้แจงให้ชัดเจน ถึงจุดยืนของประเทศในการเดินหน้า สร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นโดยเร็ว สิ่งที่หลายฝ่ายเรียกร้องคือประชาธิปไตย ในเมื่อรัฐบาลมีความชัดเจนในการคืนอำนาจสู่ประชาชน เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่านานาประเทศจะยิ่งเข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองเรามากยิ่งขึ้น และยังช่วยลดแรงต่อต้านที่จะเกิดขึ้นตามมาจากการเดินหน้าประท้วงของกลุ่มต่างๆ
สำหรับการลงทุนในปีนี้ในระหว่าง 6 ที่ผ่านมา ดัชนีหลักทรัพย์ในกลุ่มธนาคาร พลังงาน และการสื่อสาร ยังเป็นหุ้นที่นักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาซื้อขายอย่างหนาแน่นต่อเนื่อง โดยล่าสุดดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้นมาแตะระดับ 770 จุด และเชื่อว่าการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ จะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้นในระหว่างเดือนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นในกลุ่ม การเงินธนาคาร โดยแรงต้านดัชนีหุ้นไทยในเดือนนี้น่าจะอยู่ที่ 780 จุด และแนวรับน่าอยู่ที่ 760 จุด ซึ่งยังเชื่อว่าแรงซื้อขายของนักลงทุนน่าจะดีขึ้นในช่วงต้นเดือนหน้านายชวนะกล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น